ในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา ปีศาจแดง แห่งเกาะอังกฤษอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้กุนซือมากฝีมืออย่าง โจเซ่ มูริณโญ่ มาคุมทัพผีแดงพาทีมทำผลงานด้วยการเป็นอันดับที่ 6 ของตาราง โดยในช่วงฤดูกาลที่แล้ว น้ามูได้ใช้ประสบการณ์จากการคุมทีมยักษ์ใหญ่ถึงสองทีมอย่างเชลซีและรีล มาดริด ลงความเห็นว่าแผน 4-2-3-1 คือแผนที่เหมาะสมกับผู้เล่นของปีศาจแดงมากที่สุด และยังเป็นแผนที่น้ามูใช้มากที่สุดในฤดูกาลที่ผ่านมาอีกด้วย
ซึ่งจากการคุมทีมตลอด 64 นัดที่ผ่านมาของน้ามูนั้น ได้ใช้แผน 4-2-3-1 ถึง 24 นัด โดยแบ่งเป็นชนะถึง 14 นัด เสมอ 8 ครั้ง และแพ้เพียง 2 ครั้งเท่านั้น นอกเหนือจากแผนนี้ก็มีแผน 4-3-3 ที่ประสบความสำเร็จไม่แพ้กัน โดยทำให้ทีมชนะ 8 ครั้ง เสมอ 4 ครั้ง และแพ้เพียงครั้งเดียว
หลักจากที่พูดถึงสถิติในฤดูกาลที่แล้วไปแล้วนั้น แฟนบอลหลายๆคนคงจะนึกถึงฤดูกาลที่จะถึงนี้ว่าทีมใหญ่อย่างผีแดงจะวางแผนการเล่นให้ทีมอย่างไร ขงเบ้งฟุตบอลคาดว่าน้ามูคงหนีไม่พ้นรูปแบบยอดฮิตของตนอย่าง 4-2-3-1 และ 4-3-3 เนื่องจากผลที่ได้รับค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ แต่อาจจะเพิ่มกำลังบุกมากขึ้น เพื่อเพิ่มอัตราการชนะมากขึ้น และลดอัตราการเสมอให้น้อยลงอีกด้วย
หลักจากที่พูดถึงแผนการเล่นกันไปแล้ว เราจะไม่พูดเรื่องของนักเตะก็คงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมาสโมสรผีแดงได้ทุ่มเงินซื้อนักเตะไปถึง 101.75 ล้านปอนด์ สำหรับนักเตะสองคนได้แก่ Romelu Lukaku ที่ซื้อตัวมาจากสโมสร everton ด้วยมูลค่าสูงถึง 72 ล้านปอนด์ และ Victor Lindelöf จากสโมสร Benfica ด้วยค่าตัว 29.75 ล้านปอนด์
หลังจากที่มหาเทพอย่าง Zlatan Ibrahimovic ทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมในฤดูกาลที่ผ่านมา ทำให้ผู้เล่นที่เข้ามารับช่วงต่อตำแหน่งศูนย์หน้าอย่าง Romelu Lukaku ที่เพิ่งเข้ามาเสริมทัพในฤดูกาลนี้ถูกตั้งความหวังไว้อย่างมาก นอกจากนี้ยังมีกองหน้าหนุ่มดาวรุ่งวัย 19 ขวบอย่าง Marcus Rashford ที่ทำผลงานได้ดีในฤดูกาลที่ผ่านมา และกองกลางเจ้าของสถิติค่าตัวสุดแพงที่มาพร้อมทรงผมสุดแนวอย่าง Paul Pogba ที่ถือว่าเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้จะพากองทัพผีแดงไปคว้าถ้วยพรีเมียร์ลีคในฤดูกาลหนน้าอีกด้วย
พรีวิวสโมสรแมนซิตี้ 2017-2018
วงการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในเวลานี้ทว่าจะยกทีมฟุตบอลที่จัดอันดับว่ารวยที่สุดในเวลานี้ก็คงไม่พ้นสโมสรยักษ์ใหญ่อย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ “เรือใบสีฟ้า” ทีมมหาเศรษฐีแห่งพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ที่มีคนตามเชียร์ ด้วยฟอร์มการเล่นที่ไม่คงเส้นคงว่าในฤดูกาลที่ผ่านมา
หลังจากที่ เป๊บ เข้ามารับตำแหน่งกุนซือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถือว่าเป็นบททดสอบหลักที่เจ้าตัวจะต้องแสดงความสามารถในการคุมทีมที่ เพราะนอกจากการขับเคี่ยวเป้าหมายชิงแชมป์ของสโมสรดังในลีกแล้ว ทุกคนยังจับตาดูการวัดกึ๋นกันระหว่าง 5 สุดยอดกุนซืออย่าง อาร์แซน เวงเกอร์, เยอร์เก้น คล็อปป์, โชเซ มูรินโญ, เป๊ป กวาร์ดิโอลา และ อันโตนิโอ คอนเต้ ว่าใครยอดกุนซือคนไหนที่จะพาทีมไปถึงฝั่งได้สำเร็จ อีกทั้งยังต้องรับแรงกดดันจากบรรดาแฟนบอล เรือใบสีฟ้า ที่ต่างก็คาดหวังไว้กับกุนซือรายนี้ไว้ค่อนข้างสูง เวทีพรีพรีเมียร์เมียร์ลีก ยังถือว่าโหดและหินกว่าลีกอื่นๆมาก ขนาดกุนซือระดับโลก หลายต่อหลายคน ไม่ว่าจะเป็น สเวน โกรัน อีริคสัน , หลุยส์ ฟาน กัล , อังเดร วิลาส โบอาส รวมถึง อื่นๆอีกมาย ก็เคยเอาชื่อเสียงที่สั่งสมอยู่นาน มาทิ้งที่นี่แล้ว
ในฤดูกาล 2016-17 แม้ว่า แมนซิตี้ เปิดฤดูกาลได้อย่างยอดเยี่ยม ออกสตาร์ทฤดูกาลได้อย่างยอดเยี่ยมเก็บชัยชนะ 6 นัดรวด แต่หลังจากนั้นผลงานของทีมกลับแผ่วลงซะดื้อ เอาชนะได้แค่เกมเดียวจาก 5 นัดต่อมา เป๊ป คือคนที่ต้องรับผิดชอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะปัญหาเรื่องเกมรับอันอ่อนยวบของทีม เมื่อนักเตะใหม่ที่เขาซื้อมาอย่าง เคลาดิโอ บราโว และ จอห์น สโตนส์ โชว์ฟอร์มน่าผิดหวังแถมยังเล่นผิดพลาดบ่อยครั้ง รวมถึงผู้เล่นในแนวรุก อย่าง กราเบรียล เฆซุส ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น ดันมาบาดเจ็บต้องปิดเทอมยาวไปซะดื้อๆ
กวาร์ดิโอลา ยังพบกับความพ่ายแพ้ถึง 4 เกม จากโปรแกรม 19 นัดแรก นับเป็นสถิติที่ย่ำแย่ที่สุดในการคุมทีมปีแรกของเขา ขณะที่เรือใบสีฟ้ารั้งอันดับ 3 ของตาราง แต่ตามหลัง เชลซี จ่าฝูงถึง 10 คะแนน แม้บางคนอาจมองว่ามันไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก เพราะนี่คือฤดูกาลแรกของเขากับพรีเมียร์ลีก แต่การจบฤดูกาลด้วยมือเปล่า ไร้ถ้วยติดมือ และหากดูจากทรัพยากรในทีม, เงินทุนที่ใช้เสริมตัวผู้เล่น รวมถึงระดับมันสมองของเขา เราต้องยอมรับว่า เป๊ป กวาร์ดิโอลา ทำผลงานได้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
นี่คือเรื่องที่เขาต้องเร่งแก้ไขเป็นการด่วนในฤดูกาลหน้า หากยังหวังประสบความสำเร็จในเวทีพรีเมียร์ลีก
นักวิจารณ์บอลต่างพากันพูดถึงเรื่องระบบของทีม เป๊บ ดึงเอาระบบที่ตนคิดค้นขึ้น และเป็นหนึ่งในแผนยอดฮิตของยุคนี้ นั่นคือ ติ๊กกี้ ตั๊กก้า” ที่เพรซซิ่ง บีบเกมกดดันคู่แข่งเก่ง เน้นการต่อบอลที่แม่นยำ และมีจังหวะเข้าทำที่รวดเร็ว เหมือนกับที่เคยทำกับ บาซ่า และ บาร์เยิ
แต่ครั้งนี้กับแมนซิตี้ ดูจะไม่เหมาะไม่ควร จนล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะด้วยศักยภาพขุมกำลังนักเตะแมนซิตี้ ชุดนี้ แม้จะอุดมไปด้วยนักเตะเกรด A แต่ก็ยังดูห่างชั้นเมื่อเทียบกับทีมเก่าๆ ที่ เป๊บ เคยคุม รวมถึงแมนซิตี้ ยังต้องพึ่งนักเตะตัวหลักของทีม อย่าง ยาย่า ตูเร่ , ดาวิด ซิลบา และกองหน้า อย่าง เซอร์คิโอ อกูเอวโร่ ที่สังขารเริ่มโรยราตามกาลเวลา ต่างกับทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่โดยรวมแล้วชื่อชั้นของนักเตะเป็นรองแมนซิตี้ อยู่มากแต่ “ติ๊กกี้ ตั๊กก้า” ของลิเวอร์พูล จะดูมีประสิทธิภาพ มากกว่า “ติ๊กกี้ ตั๊กก้า” ของแมนซิตี้ด้วยซ้ำไป
พรีเมียร์ลีกฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะบรรเลงเพลงแข้งในเร็ววันนี้ เราต้องจับตามอง ว่าแมนซิตี้ ภายใต้การทำทีมของ เป๊ป กวาดิโอล่า จะดำเนินต่อไปในทิศทางใด และจะเสริมนักเตะคนใดเข้าสู่ทีมเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ ให้แมนซิตี้ กลับสู่เส้นทางลุ้นแชมป์ แฟนๆเรือใบสีฟ้าต้องให้กำลังใจ และคอยติดตามกันต่อไป
พรีวิวลิเวอร์พูล 2017-2018
“หงส์แดง”ลิเวอร์พูล สุดยอดทีมฟุตบอลขวัญใจคนทั่วโลก แต่กลับไม่สามารถคว้าแชมป์สักรายการเพื่อเป็นรางวัลปลอบใจแฟนบอลทั่วโลก แต่แฟนลิเวอร์พูลก็ยังครอบใจแฟนบอลทั่วโลกรวมถึงแฟนบอลเฉพาะกิจที่จะเชียร์ลิเวอร์พูลมักจะทำให้ไม่ผิดหวัง ด้วยเกมแนวรุกที่ดุดันขึ้นทุกวินาทียิงประตูกระจายได้เป็นกอบเป็นกำเพราะ กุนซือ “เฮฟวี่เมทัล” อย่างเจอร์เก้นคล็อปได้ปลุกให้หงส์แดงลิเวอร์พูลกลับมาเป็นเครื่องจักรสีแดงอีกครั้งปลุกความกระหายชัยให้นักเตะหงส์แดง
ฤดูกาล2016-2017 ที่มาลิเวอร์พูลไม่ได้แชมป์สักรายการแต่สิ่งหนึ่งที่ได้มาคือการกลับไปเล่นในถ้วยยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกพร้อมความหวังในการลุ้นแชมป์ในฤดูกาลหน้าคำพูดสุดฮิตของนักวิจารณ์บอลและเหล่าเดอะค็อปที่พูดกันเป็นประจำก่อนที่ฤดูกาลจะเปิดการแข่งขัน ถ้าให้นักวิเคราะห์บอลออกมาชี้แจ้งสิ่งที่เป็นจุดอ่อนสำหรับลิเวอร์พูลที่ทำไม่ให้ทีมสามารถคว้าแชมป์ได้สักทีนั่นก็คือ
1.เกมรับ ปัญหาที่แฟนหงส์แดงทั่วโลกรู้กันดีแนวรับที่เป็นบ่อทำให้ทีมหมดลุ้มแชมป์ ปัญหาแนวรับกันการป้องกันลูกเซ็ตพีท
2.ตัวความหวัง เมื่อ2-3 ฤดกาลที่ผ่านความหวังของหงส์แดงที่จะชนะคู่แข่งถูกโยนไปให้หลุยส์ซัวเรสเพื่อการทีมชนะแต่เมื่อซัวเรสย้ายออกความหวังทั้งหมดก้ถูกโยนออกไปคูตินโญ่ แต่เมื่อนักเตะได้รับความกดดันมากเกินไปจนทำผลงานในสนามไม่ออก
3.ปัญหาเก่งกับทีมใหญ่อ่อนกับทีมเด็ก เป็นเรื่องปกติของหงส์แดงลิเวอร์พูลจะเล่นเก่งเล่นดีกับทีมใหญ่แต่เมื่อเจอทีมอ่อนก็มักจะลดฟอร์มทีมตัวเองอ่อนตามทีมที่ลงเตะด้วย
ปัญหาเหล่านี้เองที่ลิเวอร์พูลยังไม่สามารถแก้ได้ทำให้พลาดแชมป์มาหลายฤดูกาลเมื่อใกล้จะคว้าแชมป์ก็จะเจอปัญหาใดปัญหานึงทำให้หงส์แดงเป็นได้เพียงแค่รองแชมป์